การเดินทางไปวันแรกถึงจังหวัดอุบลราชธานีแล้วรับประทานอาหารเย็นเข้าพักผ่อน พร้อมร่วมเดินทางตามกิจกรรม
คาราวานรถยนต์
สืบสานตำนานยักษ์คุ
วิถี
คนริมโขง
ในวันรุ่งขึ้น
พร้อมแปลงตนเป็นยักษ์
ซึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี สนับสนุนงานเทศกาลแห่ยักษ์คุ เต็มที่ โดยความร่วมมือกับ สภาคมท่องเที่ยว, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กลุ่ม โขง ชี มูล (อุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ) รวมทั้ง จ.ศรีสะเกษ
จัดคาราวาน แต่งยักษ์ทั้ง 4 จังหวัด และจังหวัดละไม่ต่ำกว่า 10 คัน มาร่วมขบวนแห่ จึงเป็นเรื่องแปลกและสร้างความสนุกสนานแก่นักท่องเที่ยวทุกคน ที่มาร่วมคาราวาน ซึ่งจะต้องแต่งกายเป็นยักษ์ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานอุบลราชธานี สนับสนุน ช่างเพ้นท์หน้ายักษ์
ในระหว่างนั้นยังไม่ได้เวลาขบวนแห่ยักษ์คุ
เหล่าคาราวานยักษ์อย่างเราก็ออกตระเวนเที่ยว
ไปวัดพระธาตุนาป่าแซง
หรือเรียกอีกชื่อว่า
“วัดสุทธิกาวาส”
เป็นการจำลองพระธาตุพนมจังหวัดนครพนม
ความศักดิ์สิทธิของพระธาตุนาป่าแซงเป็นที่เคารพของคนทั่วไป
ชาวบ้านเลี้ยงรับรองด้วยอาหารถิ่นจัดเตรียมไว้
ชิลล์ที่ริมโขง
บอกฮักที่ริมโขง มีการร้องรำเป็นที่สนุกสนาน
คาราวานยักษ์เดินทางต่อไปเจดีย์หินพันล้านก้อน
วัดภูพนมดี ด้วยความพิเศษ
ขององค์เจดีย์ที่ประดับด้วยก้อนหินสีต่างๆ
กันโดยรอบ
ซึ่งเกิดจากความร่วมมือร่วมใจและความสามัคคีของชาวบ้านเรียงไปตามจินตนาการนับพันนับล้านก้อนจึงเป็นที่มาของชื่อ
"เจดีย์หินพันล้านก้อน"
เป็นวัดที่มีความสงบ
ร่มรื่น
มองเห็นแต่ไกลมีหน้าผาและลานธรรมที่สวยงาม
วัดภูพนมดี เป็นภูเขาดินขนาดเล็ก
มีเจดีย์ก่อด้วยหินศาลาแลงสูง
39 เมตร และพระพุทธรูปก่อด้วยปูนตั้งอยู่บนเขาหน้าผาสูง
สมัยก่อนมีบันไดขึ้นวัดภูพนมดี
245 ขั้น แต่
ปัจจุบันรถยนต์สามารถขับขึ้นมาได้สะดวกสบาย
เมื่อได้เวลาที่งานเทศกาลแห่ยักษ์คุ ชานุมาน ครั้งที่ 7 จัดขึ้น ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอชานุมาน อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ จะเริ่มแล้ว
คาราวานยักษ์อย่างพวกเรารีบเดินทางกลับไปชมการแสดงและขบวนแห่ยักษ์คุของแต่ละหน่วยงาน ขบวนแห่ฟ้อนรำ ซึ่งนางรำทุกคน เพ้นท์หน้าแต่งตัวเป็นยักษ์คุ อย่างสวยงาม และน่าทึ่ง เห็นแล้วประทับใจ ไม่มีที่ไหนมาก่อน แห่งเดียวในประเทศไทย ขบวนแห่อัตลักษ์ 5 ตำบลของชาวขานุมาน
โดยขบวนแห่ยักษ์คุ จุดเริ่มต้นที่ตลาดเทศบาลตำบลชานุมาน แห่ไปตามถนนสายหลัก เขตเทศบาลตำบลชานุมาน และไปสิ้นสุดที่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอชานุมาน ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ตลอด 3 วัน นอกจากนี้ ยังจะได้ชม การเดินแบบชุดพื้นเมือง การประกวดธิดายักษ์ชานุมาน การประกวดธิดาชานุมาน การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง “ YAKKHU SINGING CONTEST 2019
ที่มาของชื่ออำเภอชานุมานตามตำนานนิทานเรื่องยักษ์คุ
ในกาลครั้งที่พระลัก
ษมณ์พระราม
พานางสีดาเดินดงไปกลางป่าปรากฏมียักษ์ชื่อทศกัณฐ์มาลักพาตัวนางสีดาไป
ทีแรกขังไว้ที่
ริมแม่น้ำโขง
นางสีดาก็ร้องไห้คิดถึงพระราม
บริเวณนั้นจึงเรียกว่า
ท่านางสีดา
หรือ
บ้านนาสีดาในปัจจุบัน ยักษ์ทศกัณฐ์กลัวพวกพระรามจะได้ยิน
จึงพานางสีดาเหาะข้ามแม่น้ำโขงไปขังไว้ที่ปราสาทเฮือนหิน
(ฝั่งตรงข้ามบ้านท่ายักษ์คุ อำเภอชานุมาน
จ.อำนาจเจริญ
ปัจจุบันเรียกบ้านเฮือนหิน
แขวงสะหวันนะเขต
ประเทศลาว) พระลักษ์พระรามตามมาทันจึงเข้าสู้รบกับทศกัณฐ์ ม้าของพรามกระโดเตะปราสาทเฮือนหินจนพังดังที่ปรากฏในปัจจุบัน ในขณะที่สู้รบกันอยู่นั้น นางสีดาได้หนีมาอยู่เกาะกลางแม่น้ำโขงแล้วปะแป้งแต่งหน้ารอพระราม จึงเรียกเกาะนี้ว่า ดอนสีนวดหรือดอนชะโนด ในทีสุดเมื่อทศกัณฐ์ยอมแพ้จึงร้องขอชีวิตโดยคุกเข่ากราบไปที่พระธาตุเฮือนหิน บริเวณที่คุกเข้าจึงเรียกว่าท่ายักคุกเข่าหรือท่ายักคุจนกระทั่งเป็นที่มาของคำว่า ชานุมาร รอยที่ยักษ์คุกเข่าปรากฏขึ้นเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง ให้เห็นกระทั่งปัจจุบัน นิทานเรื่องยักษ์คุมีหลาย สำนวน แต่ทุกเรื่องก็เป็นการอธิบายถึงพื้นที่ต่างๆในลุ่มแม่น้ำโขงและอำเภอชานุมานโดยผูกเข้ากับนิทานเรื่องรามเกียรติ์สำนวนลาวสองฝั่งโขง
ในเช้าวันใหม่ เราเดินทางไปชุมชนชาวกุลา วัดทุ่งสว่างอารมณ์ ที่บ้านโนนใหญ่ หมู่ที่ 3 ตำบลก่อเอ้ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ที่น้านโนใหญ่นั้นเคยมีชาวกุลาจากพม่าเดินทางมาค้าขายและอาศัยทำมาหากินอยู่ และมามีครอบครัว สร้างหลักปักฐานจนเป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งชาวกุลาก็ได้มาสร้างศาลาการเปรียญขึ้นมีลักษณะแปลก ศาลาหลังนี้สร้างขึ้นใหม่ทดแทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมลง เพื่อใช้เป็นที่ศึกษาพระธรรมและให้บุตรหลานได้ใช้ประกอบพิธีกรรม
ต่างๆ และยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนแบบพม่า เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง อาวุธ นอกจากนั้นยังมีต้นปาล์มชวาคู่ ที่ปลูกอยู่ด้านหน้า ซึ่งปลูกในปี 2468 ปัจจุบันนี้มีอายุราว 94 ปี (เมื่อปี 2562) เมื่อใกล้ถึงเวลาพิธีเปิดงานประเพณีสงกรานต์ฮางฮดรดน้ำ 4 ณ สะพานรัตนโกสินทร์ 200 ปี เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในแผ่นดิน
เรียกว่า ความเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซี่ยน นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประธานพิธี เปิดงานประเพณีสงกรานต์ฮางฮดรดน้ำ
4 แผ่นดินโดยมีไทยลาว เขมร เวียดนามและส่วนราชการในท้องถิ่นเปิดงาน โดยจัดขึ้นในวันที่ 12-13 เมษายน 2562 ณ เชิงสะพานรัตนโกสินทร์ 200 ปี (ฝั่งอำเภอวารินชำราบ) และบริเวณทุ่งศรีเมือง
กิจกรรมภายในงานมีขบวนแห่สงกรานต์ฮางฮดรดน้ำ
4 แผ่นดิน และขบวนแห่ชุมชน
เคลื่อนขบวนแห่ไปตามสะพานรัตนโกสินทร์
200 ปี สิ้นสุดขบวนแห่ที่บริเวณถนนดอกไม้และสายน้ำ
(ถนนราชบุตร) ,พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์
จำนวน
99 รูป ณ ลานเทียนทุ่งศรีเมือง
สรงน้ำอนุสาวรีย์พระประทุมวรราชสุริยวงศ์
(เจ้าคำผง),พระอุบาลีคุณูปมาจารย์,สมเด็จพระมหาวีรวงศ์
และศาลหลักเมือง
,พิธีสรงน้ำพระแก้วบุษราคัมเป็นปฐมฤกษ์
อัญเชิญพระแก้วบุษราคัมประดิษฐานบนบุษบก
คานหามเพื่อร่วมขบวนแห่สงกรานต์
ณ
วัดศรีอุบลรัตนาราม,
พิธีรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ
106 ชุมชน จากเทศบาลนครอุบลราชธานีและตัวแทนผู้สูงอายุจาก
25 อำเภอในจังหวัดอุบลราชธานี
ณ
ลานหน้าศาลหลักเมือง
ขอขอบคุณ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
www.aboutinformant.com kesaraporn pnussuwankiri 095-551-6345
aboutinformant@gmail.com
รับชม VDO เพิ่มเติม
ประเพณีแห่ยักษ์คุ และเปิดงานประเพณีสงกรานต์ฮางฮดรดน้ำ 4 แผ่นดิน
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฮางฮด
ฮางฮด
(อ่านตามสำเนียงอีสาน)
คำว่า
"ฮาง" ในภาษาถิ่นอีสานหมายถึง
รางน้ำ
ถ้าใช้ในบริบทของงานช่างด้านการสร้างหมายถึง
ไม้ขุดเป็นร่องสาหรับรองน้ำ
และคำว่า
"ฮด" ก็หมายถึง
การรดน้ำ
ฮางฮด
ก็คือการรดน้ำนั่นเอง
โดยมากใช้ในพุทธพิธี
เช่น
ประเพณีสงกรานต์
ที่เราจะสรงน้ำพระ
ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์
หรือพระพุทธรูป
แต่โดยมากจะใช้กับพระพุทธรูปมากกว่า
ฮางฮด
นิยมทำจากไม้
ขุดและตกแต่งเป็นพญานาค
เนื่องจากในทางความเชื่อทางสังคมวัฒนธรรมโดยเฉพาะกลุ่มวัฒนธรรมไทยลาว
จะใช้
นาค
เป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อจากภพหนึ่งสู่อีกภพหนึ่ง
และหากสังเกตที่บริเวณส่วนฐานฮางฮด
มักจะทำเป็นสัตว์บริวารมารองรับ
โดยมีเต่า
กระต่าย
ช้าง
และหมา
เป็นสัตว์ที่พบมากที่สุด
ทั้งหมดทำหน้าที่ในการสื่อนัยยะของการเป็นสัตว์บริวารที่คอยเกื้อหนุนส่งเสริมพระพุทธศาสนา
น้ำสรงที่ผ่านฮางฮด
ไหลไปลงที่องค์พระแล้ว
ถือว่าเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ครับ
ทางวัดจะบรรจุใส่ถุงให้ญาติโยมนำกลับไปบ้านเพื่อเป็นสิริมงคลต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น