วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

Bangkok River Festival 2023” ครั้งที่ 9 ชวนลอยกระทงใน “บ่อลอยกระทงรักษ์โลก”

ชูแนวคิด “ลำนำ วันเพ็ญ” สืบสานวัฒนธรรมอันดีงาม เน้นหลัก ESG บริหารจัดงานอย่างยั่งยืนทุกมิติ16 พฤศจิกายน 2566

กรุงเทพมหานคร – นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีแถลงข่าวงาน “Bangkok River Festival 2023 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” สืบสานและต่อยอดกิจกรรมดีงามตามประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ที่จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 9 ภายใต้แนวคิด “ลำนำ วันเพ็ญ” ตอกย้ำการเป็นเทศกาลวัฒนธรรมอันดีงาม ที่มีความยั่งยืนอย่างแท้จริง และ “Lumphun River Festival” ครั้งที่ 5

โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 - 27 พฤศจิกายน 2566 โดยมี นายสุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงาน Bangkok River Festival 2023 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย
และ ศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ที่ปรึกษากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้สนับสนุนหลัก Bangkok River Festival 2023 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย พร้อมด้วย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานพันธมิตรทุกภาคส่วน ร่วมพิธีแถลงข่าว ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร
โดยปีนี้ยังคงเน้นยกระดับการจัดงานให้มีความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมสังคม และการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน (ESG) เป็นการสร้างประโยชน์เพื่อชุมชน โดยการจัดการของชุมชน ด้วยกลยุทธ์ บ.ว.ร.ยกกำลังสอง อันประกอบไปด้วย บ้าน วัด โรงเรียน โดยการสนับสนุนของภาคส่วนภายนอก ได้แก่ บริษัท วิสาหกิจเพื่อสังคม และราชการ เชื่อมโยงและต่อยอดเครือข่ายทุกภาคส่วนเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และต่อยอดคุณค่าทางวัฒนธรรม กับประเพณีลอยกระทงและมงคลอันดีงามของไทย เพื่อตอกย้ำการเป็นเทศกาลของ มงคลดีงาม พร้อมการดูแลรักษ์โลก กับการขอขมาแม่น้ำคงคา ด้วยการรณรงค์ไม่เพิ่มขยะในแม่น้ำ ลำคลอง ผ่านกิจกรรมลอยกระทงและการลอยประทีปใน “บ่อลอยกระทงรักษ์โลก”
นายสุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงาน Bangkok River Festival 2023 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ได้กล่าวถึงรายละเอียดของการจัดงานว่า “ปีนี้นับเป็นการสานต่อความสำเร็จของการจัดงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2014 ที่จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 9 ภายใต้แนวคิด “ลำนำ วันเพ็ญ” ชมความงดงามของสายน้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 - 27 พฤศจิกายน 2566 รวม 3 วัน โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะมุ่งมั่น ในการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีเสริมมงคลตามวิถีไทย ตอกย้ำ ต่อยอด สร้างคุณค่า เพิ่มมูลค่า มรดกของชาติด้วยแนวคิดสร้างสรรค์แบบร่วมสมัย สอดรับกับนโยบายรัฐบาลด้านการส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวโดยชุมชน
เพื่อเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งในปีที่ผ่านมา สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 1.8 ล้านบาท และในปีนี้ ตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจด้วยศิลปวัฒนธรรมไทย Soft Power ที่จะช่วยกระจายรายได้ให้กับชุมชน
พร้อมเป็นเวทีแห่งโอกาสให้เยาวชนได้แสดงความสามารถตลอดช่วงเทศกาล
Bangkok River Festival 2023 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ 9 จัดบนพื้นที่ 10 ท่าน้ำสำคัญทางประวัติศาสตร์ในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร / วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร / วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร / วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร / วัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร / ท่ามหาราช / ท่ายอดพิมาน / เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ / สุขสยาม ณ ไอคอนสยาม และล้ง 1919 นอกจากนี้ยังมีการจัดงาน Lamphun River Festival ณ พื้นที่ถนนรถแก้ว จังหวัดลำพูน ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2566
และยังคงจัดเต็มกิจกรรมทำบุญไหว้พระ รับมงคล เชิญชวนร่วมลอยกระทง ร้านค้าชุมชน และยังคงสานต่อกิจกรรมดีงามด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ กิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชนซึ่งจะมีเส้นทางนำเที่ยว กับภารกิจ Walk&Bike เพลิดเพลิดกับการถ่ายรูปเช็คอินทุกท่าน้ำลุ้นรับของรางวัล และกิจกรรม RPST x River Festival 2023
ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวโดยชุมชนกับเครือข่ายรักการถ่ายภาพ ด้วยกิจกรรม Photo Walk ร่วมเดินถ่ายภาพประเพณีอันดีงาม
ความสนุกสนานรื่นเริงจากมหรสพการแสดงต่างๆในงานประพณีลอยกระทง
พร้อมกันนี้ยังคงขับเคลื่อนกิจกรรมที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับชุมชนได้มีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนเรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยกิจกรรมการรณรงค์การลอยกระทงใน “บ่อลอยกระทงรักษ์โลก” กับการลอยกระทงในระบบปิด เพื่อลดจำนวนกระทงในคลอง
พร้อมทั้งเชื่อมโยงสถิติการรณรงค์การลดจำนวนขยะกระทงที่จัดเก็บโดยกทม. ผ่านการเก็บแต้ม SX Point ใน SX Application และกิจกรรมทำความสะอาดคลอง “Clean Klong” ยังคงดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 โดยได้รับความร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร โครงการ “เก็บกลับ-รีไซเคิล” และพันธมิตรทุกภาคส่วน ส่งเสริมการคัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิลในชุมชน อีกทั้งต่อยอดความรู้ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนเจ้าบ้าน สืบสานวัฒนธรรมและประชาชนที่เข้าร่วมงาน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม”
“Bangkok River Festival 2023 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” เป็นงานเดียวที่นักท่องเที่ยวจะได้สักการะไหว้พระ ทั้ง 5 วัด ในยามค่ำคืน และชมความงดงามของสายน้ำเจ้าพระยาจากทั้ง 10 ท่าน้ำ รวมถึงร่วมชมอัตลักษณ์ที่งดงามจากสถาปัตยกรรมที่ผสานเรื่องเล่าประจำชุมชนริมน้ำ สุขไปกับกิจกรรมสรรค์สุข สนุกไปกับแสงสี และอิ่มเอมไปกับมรดกศิลป์ทรงคุณค่า เชื่อมโยงวิถีแห่งวัฒนธรรมอันดีงาม พบกับกิจกรรมมากมาย อาทิ พิธีขอขมาพระแม่คงคา/ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ / ลอยกระทง ประทีปเทียนหอม ใน “บ่อลอยกระทงรักษ์โลก” / สวดมนต์เจริญสมาธิ / ซุ้มอาหารชุมชนชวนชิม
และตลาดนัดชุมชนรวมของดีของเด่น ประจำท้องถิ่นมารวมไว้ในงานให้ได้ ช้อป ชม ชิม เป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชน สร้างโอกาสในการกระจายรายได้สู่ชุมชน พร้อมชื่นชมไฮไลท์การแสดงแต่ละท่าน้ำ เช่น การแสดงดนตรีไทยร่วมสมัย การแสดงโขนกลางแปลง การแสดงลิเกศิลปะไทย เป็นต้น โดยมีบริการเรือด่วนรับส่งฟรีใน 10 ท่าน้ำ วันที่ 25 – 26 พฤศจิกายน 2566 เวลา 16.00 – 22.00 น. วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา 16.00 – 24.00 น.
โครงการ เยาวชนเจ้าบ้าน สืบสานวัฒนธรรม ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ปกครองและเยาวชนในชุมชนดังจะเห็นได้จากจำนวนผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจากชุมชน 5 วัด รวม 57 คน และความพิเศษในปีนี้เน้นการอบรมเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านเยาวชนที่เป็นลูกหลานของชุมชนริมน้ำ ที่ถือเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มีความรัก ความหวงแหนรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งที่ได้เผยแพร่เรื่องราวดี ๆ ของชุมชนตนเองจนก่อให้เกิดการท่องเที่ยวโดยชุมชน และความยั่งยืนอีกด้วย
ร่วมสืบสานประเพณี และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า พร้อม “บอกเล่าความเป็นไทยไปทั่วโลก” กับเทศกาล “Bangkok River Festival 2023 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย”ครั้งที่ 9 และ Lumphun River Festival ครั้งที่ 5 ภายใต้แนวคิด “ลำนำ วันเพ็ญ” พร้อมเชิญชวนลอยกระทงใน “บ่อลอยกระทงรักษ์โลก” ตั้งแต่วันที่ 25 - 27 พฤศจิกายน 2566 นี้ ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. สอบถามหรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.riverfestivalthailand.com และ facebook/riverfestivalthailand
www.aboutinformant9.blogspot.com
kedsaraporn pnussuwonkiri
tel.0955516345

กาแฟพันธุ์ไทยรุกตลาด Home Coffee ชูความพรีเมียมรักษ์โลก รับเทรนด์ตลาด พร้อมเปิดตัว “9

กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย” ลิมิเต็ด อิดิชัน จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟชั้นนำระดับประเทศ หวังดันยอดขายเพิ่ม 20% ส่งท้ายปี
กรุงเทพฯ – 17 พฤศจิกายน 2566 – กาแฟพันธุ์ไทย ประกาศผลประกอบการ Q1-Q3 ปี 2566 ทำรายได้ กว่า 1,200 ล้านบาท เติบโต 80% จากปีที่ผ่านมา
โดยโตกว่าภาพรวมตลาดกาแฟประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 9.5% คาดปิดปี 2566 ทำยอดขายรวมกว่า 1,700 ล้านบาท ปูพรมเพิ่มสาขาอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั่วประเทศอีกกว่า 800 สาขาภายในปี 2567 ตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าในสิ้นปีหน้า พร้อมต่อยอดความสำเร็จครึ่งปีแรก
รุกตลาดกาแฟ Home Coffee รับเทรนด์ผู้บริโภคที่ชอบดื่มด่ำกาแฟพรีเมียมที่บ้าน ชูจุดแข็งวัตถุดิบท้องถิ่นสนับสนุนเกษตรกรไทยให้ ‘อยู่ดี มีสุข’ ผ่านคอลเลกชันใหม่สุดเอกซ์คลูซีฟ “9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย” เพื่อให้คอกาแฟสัมผัสความพรีเมียม 9 รสชาติ
จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟชั้นนำระดับประเทศ แบบลิมิเต็ด อิดิชั่น เป็นของขวัญให้คนไทยได้เฉลิมฉลองเทศกาล แห่งความสุขส่งท้ายปี
คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ (PTG) กล่าวถึงภาพรวมตลาดกาแฟว่า
“ตลาดกาแฟในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดราว 60,000 กว่าล้านบาท ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเซกเมนท์กาแฟนอกบ้าน (Out of Home Coffee) ยังคงเป็นสัดส่วนใหญ่ถึง 45% เพราะกาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคในทุกช่วงวัย ในขณะที่ Gen Z ก็หันมาดื่มกาแฟเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ‘ดีพร้อม’ เผยข้อมูลปัจจุบันไทยบริโภคกาแฟในประเทศสูงถึง 70,000 ตันต่อปี ขณะที่ไทยผลิตได้เองเพียง 10,000 ตันต่อปี ที่เหลือนำเข้าทั้งหมด
อีกทั้งจากการศึกษาข้อมูลตลาดกาแฟโลกคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดกาแฟในช่วงปี 2564 - 2566 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 9% คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.91 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ชี้ให้เห็นว่าโอกาสเติบโตของกาแฟไทยยังมีอีกมาก”
“กาแฟพันธุ์ไทยมียอดขายไตรมาสที่ 1-3 ปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท เติบโต 80% จากปีที่ผ่านมา โดยโตกว่าภาพรวมตลาดกาแฟประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 9.5% คาดว่าในปีนี้ 2566 เราจะสามารถทำยอดขายทั้งปี กว่า 1,700 ล้านบาท โดยมีการสร้างสีสันทางการตลาดและเอาใจผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ ด้วยการออกเมนูรสชาติใหม่ๆ ทั้ง Coffee และ Non-Coffee ให้ลูกค้าได้ลิ้มลองอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน ไม่ได้ดื่มกาแฟ นอกบ้านอย่างเดียวอีกต่อไป สืบเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังการระบาดของโควิด-19 ที่มักใช้ชีวิตและ
เคยชินกับการทำกิจกรรมต่างๆ ที่บ้าน รวมถึงนิยมสัมผัสประสบการณ์การดื่มและชงกาแฟดื่มเองในบ้านด้วยเมล็ดกาแฟที่ตนชื่นชอบ ส่งผลให้เซกเมนท์กาแฟในบ้าน หรือ Home Coffee เติบโตไม่แพ้กาแฟนอกบ้านถึง 12% และยังมีโอกาสเติบโตต่อไปอีกมาก กาแฟพันธุ์ไทยมองเห็นโอกาสจึงขยายไลน์สินค้าและเดินหน้าพัฒนาโปรดักต์ในตลาด Home Coffee มาโดยตลอดทั้ง
กาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์ กาแฟพิเศษ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ลูกค้าได้ลิ้มลองทั้งเมนู นัตตี้ สเปเชียล เบลนด์ กาแฟคั่วกลาง กลิ่นและรสชาติออกแนวดาร์คโกโก้มีความเป็นช็อกโกแลต ปนอัลมอนด์ปลายๆ และ ฟรุตตี้ สเปเชียล เบลนด์ ให้ความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ออกหวานปลายๆ กลิ่นหอมละมุน โดยกาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์ นี้ได้นำร่องให้บริการใน 80 สาขา และต่อเนื่องมาถึงการเปิดตัว ‘9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย’ ในวันนี้พร้อมทั้งยังต่อยอดขยายตลาด Home Coffee ในรูปแบบกาแฟพรีเมียมอื่นๆ ต่อไป”ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืนเป็นสิ่งที่กาแฟพันธุ์ไทยให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ต้องการเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศ ผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าให้กับวัตถุดิบท้องถิ่น สร้างงาน สร้างอาชีพแก่เกษตรกรพี่น้องชาวไทย คืนกำไรกลับสู่ชุมชน รวมถึงยกระดับ Ecosystem ในทุกภาคส่วนของธุรกิจกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น กาแฟพันธุ์ไทยยังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้เกษตรกรท้องถิ่นปรับเปลี่ยนการทำไร่เลื่อนลอย มาเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟ ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนเขาหัวโล้นให้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกดีขึ้น
คุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด กล่าวว่า “ที่ผ่านมาเราเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเมนูเครื่องดื่มจากวัตถุดิบท้องถิ่นหลากหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นเมนูเครื่องดื่มจากน้ำนมข้าวโพดไร่สุวรรณ น้ำตาลโตนด จังหวัดสงขลา ส้มมะปี๊ด ผลไม้ประจำท้องถิ่นของจังหวัดจันทบุรี สตรอเบอร์รี่ที่ปลูกในดอยสูง จังหวัดเชียงใหม่ มะม่วงเบาพันธุ์ใต้แท้ จังหวัดสงขลา
และล่าสุดจากเมล็ดกาแฟของเกษตรกรชาวไทยที่คัดสรรจากแหล่งกำเนิดคุณภาพทั่วประเทศกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘กาแฟดริปพันธุ์ไทย’ มุ่งปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืนลงบนผืนแผ่นดินไทย”
‘9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย’ เป็นความตั้งใจของเราที่ต้องการรวบรวมและนำเสนอกาแฟคุณภาพที่ดีที่สุดจากแหล่งกำเนิดกาแฟคุณภาพทั่วประเทศ มาให้กับผู้บริโภคได้มีโอกาสดื่มด่ำกับกาแฟไทยระดับพรีเมียม โดยกาแฟทั้ง 9 รสชาติถูกรังสรรค์จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ ผ่านขั้นตอนที่พิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การปลูก การดูแลรักษาจนได้ต้นกาแฟที่มีผลเชอร์รี่สุกให้เก็บเกี่ยว
การคัดเลือกสารกาแฟ การคั่วหาโปรไฟล์ที่ดีที่สุด Cupping กันหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ด้วยภาพวาดลายเส้นสีน้ำที่งดงามและดีต่อโลก เพราะเราใช้กระดาษ รีไซเคิล 70% สามารถย่อยสลายได้ง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อนจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมให้คอกาแฟได้ลิ้มรสมนต์เสน่ห์ของกาแฟไทยจากเกษตรชาวไทยง่ายๆ ที่บ้าน นอกจากนี้เรายังพัฒนาแก้วเครื่องดื่มพันธุ์ไทยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้วัสดุที่ผลิตจากไบโอพลาสติก (Bioplastic หรือ Bio-Based Plastic) สามารถย่อยสลายได้ ทางชีวภาพ ด้วยส่วนประกอบของมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบธรรมชาติ พร้อมสนับสนุนผลผลิตจากชุมชนและสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย เพื่อให้เครื่องดื่มทุกแก้วของพันธุ์ไทยปลอดภัย ดีต่อโลกและผู้บริโภคอย่างยั่งยืน”
“สำหรับกิจกรรมในการสร้างสีสันในแคมเปญนี้ พันธุ์ไทยเลือกจัดงาน “PUNTHAI Coffee dripping in the park” ในย่าน CBD ใจกลางเมืองสีลม เพื่อเจาะกลุ่มคนทำงาน กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบกาแฟพรีเมียมได้อย่างสะดวกสบาย เพิ่มการมองเห็น สร้างการรับรู้ เพื่อเข้าถึงและขยายฐานลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมต่างๆ อาทิ
ชมแกลลอรีเส้นทางการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืน ดื่มด่ำกับกาแฟดริปพร้อมฟังดนตรีอะคูสติกในสวน ชมการสาธิตวาดรูปด้วยสีน้ำจากกาแฟ จากอาจารย์ทศพร จันทรสุข ศิลปินมือรางวัลสีน้ำชื่อดัง งานเสวนาของ นักสร้างสรรค์กาแฟทั้ง 5 ท่าน ฮีลใจผ่านเสียงธรรมชาติ ASMR ที่เป็นเอกลักษณ์จาก 9 ดอยที่จะพาคุณไปพบกับเรื่องราวของ 9 กาแฟดริปชั้นดี ทุกความตั้งใจของพันธุ์ไทยในคอลเลคชันนี้ จึงไม่ได้พิเศษเฉพาะตัวผลิตภัณฑ์ แต่ยังสามารถส่งต่อความยั่งยืนให้สิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ผู้คนและส่งต่อความยั่งยืนสู่สังคมต่อไป” คุณสุขวสา กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ที่สนใจคอลเลกชัน ‘9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย’ ที่นอกจากจะได้สนับสนุนชุมชนและเกษตรกรไทย ยังสามารถนำไปมอบเป็นของขวัญแด่คนที่คุณรักในเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ มีให้เลือกซื้อหรือสะสมทั้งหมด 2 แบบ
1. กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย พรีเมียมเซต (Punthai Drip Coffee Premium Set) บรรจุกาแฟดริป 9 ซอง จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ พร้อมกาดริปและแก้วกาแฟ ราคา 1,899 บาท วางจำหน่ายที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยสาขาที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 - 31 มกราคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
2. กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย(Punthai Drip Coffee Box) บรรจุกาแฟดริป 9 ซอง จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ ราคา 325 บาท ที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 - 31 มกราคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
kedsaraporn pnussuwonkiri
tel.0955516245

วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

วธ.ร่วมมือภาครัฐ-เอกชน สนับสนุนจังหวัดทั่วประเทศ จัดงานสืบสานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2566

เน้นสาระคุณค่า เพื่อเตรียมเสนอขึ้นทะเบียนรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ต่อยูเนสโก ส่วนกลางชวนเที่ยวงาน “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” ณ วัดอรุณฯ รณรงค์ลดขยะมาด้วยกันลอยกระทงร่วมกัน ชวนแต่งไทยเผยแพร่ soft power หนุนท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ
วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2566 เวลา 17.00 น. กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ได้จัดงานแถลงข่าวการจัดงานประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2566 “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture”
โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม
นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม พร้อมผู้บริหารวธ. และหน่วยงานร่วมจัดได้แก่ พลเรือโท พาสุกรี วิลัยรักษ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
นายสุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงาน Bangkok River Festival 2566 นางอาทินันท์ พีชานนท์ รองประธานกรรมการ บริหารบริษัทไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ร่วมแถลงข่าว จากนั้นประธานพร้อมคณะผู้ร่วมแถลงข่าว ได้ชมกิจกรรมการสาธิตการทำกระทงสวยงามและกระทงสร้างสรรค์
ชมสาธิตการจัดงานประเพณีลอยกระทงตามอัตลักษณ์พื้นถิ่นจากจังหวัดสุโขทัย ตาก เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม นครพนม นครศรีธรรมราช และลพบุรี
จากนั้นได้ร่วมกันลอยกระทง ณ บริเวณศาลาไทย ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
นายเสริมศักดิ์ กล่าวว่า ประเพณีลอยกระทงเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยในฤดูน้ำหลาก ซึ่งแก่นแท้ของประเพณีเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ
การรู้คุณค่าของน้ำที่ใช้ในการดำรงชีวิตอันมีต้นกำเนิดจากแม่น้ำลำคลอง เป็นประเพณีที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญา วิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทยอันงดงาม ปรากฏในรูปแบบของพิธีกรรม การประดิษฐ์กระทง การประดับประทีปโคมไฟในยามค่ำคืน การแสดงมหรสพ
และการละเล่นรื่นเริงต่าง ๆ โดยในปี พุทธศักราช 2566 นี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้จัดทำแนวทางขอความร่วมมือหน่วยงานและประชาชนร่วมกันปฏิบัติในเทศกาลประเพณีลอยกระทง พุทธศักราช 2566 ดังนี้
1. ส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างสรรค์สามารถพัฒนาต่อยอดจากคุณค่าสาระของประเพณีลอยกระทงเพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจของชุมชนและประเทศ โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมที่มีอยู่ในชุมชน และยังคงอัตลักษณ์ของท้องถิ่น
2. จัดกิจกรรมตามประเพณีนิยมของแต่ละท้องถิ่น ใช้กระทงที่ทำจากวัสดุย่อยสลายได้ง่าย ไม่ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
3. ขอความร่วมมือการจัดสถานที่จัดงานให้มีพื้นที่เหมาะสม กว้างขวาง ไม่แออัด พร้อมให้มีการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยทางการจราจรทางบกและทางน้ำ ตลอดจนบริเวณท่าน้ำให้มีความมั่นคง สะดวก และปลอดภัย 
4 ควรงดการจำหน่ายสุรา และเครื่องดื่มมึนเมา และห้ามดื่มกินในบริเวณงานหรือใกล้เคียง งดการเล่นดอกไม้ไฟ พลุ หรือวัสดุที่ก่อให้เกิดอันตรายในที่สาธารณะหรือชุมชน
5. การจัดการแสดงต่าง ๆ สามารถทำได้ตามความเหมาะสม โดยเฉพาะการจัดแสดงวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่จะทำให้เด็ก เยาวชน ประชาชนได้เห็นถึงมรดกภูมิปัญญาของไทย เพื่อสร้างรายได้สู่ชุมชน
6. ขอเชิญชวนให้ประชาชน “แต่งไทย ไปลอยกระทง” เพื่อร่วมกันส่งเสริมการใช้ผ้าไทย แสดงถึงเอกลักษณ์การแต่งกายของแต่ละท้องถิ่น เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
นายเสริมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในปีนี้ กระทรวงวัฒนธรรม ได้กำหนดจัดงาน “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” ในวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การประกวดกระทงสวยงาม-สร้างสรรค์ การแสดงทางวัฒนธรรม นิทรรศการให้ความรู้คุณค่าสาระของประเพณีลอยกระทง การจัดแสดงผลงานของเด็กและเยาวชนที่ได้รับรางวัลจากการประกวดสื่อแนวคิดสร้างสรรค์ ยกระดับวันลอยกระทงท้องถิ่น จาก Local สู่เลอค่า การแสดงจากวงดุริยางค์กรมศิลปากร การแสดงดนตรีลูกทุ่งจากศิลปินที่มีชื่อเสียง การแสดงพื้นบ้าน ตลอดจนการสาธิตอาหารไทย ขนมโบราณ การสาธิตมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชุมชนต่าง ๆ ในโอกาสนี้ ผมขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมงานประเพณีลอยกระทง ร่วมกันรักษา สืบสาน ประเพณีลอยกระทง ให้คงคุณค่าความเป็นไทย ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาประเพณีอันเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมให้เป็น Soft Power เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศและขอให้พี่น้องชาวไทยทั้งหลายร่วมงานประเพณีลอยกระทงอย่างมีความสุข ร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับชาวต่างชาติ ที่มาร่วมงานลอยกระทง ให้เกิดความประทับใจในประเพณีไทย และเห็นคุณค่าที่แท้จริงของประเพณีไทย ต่อไป
ด้าน นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า ปี 2566 นี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อสืบสานคุณค่าสาระของประเพณีลอยกระทง ภายใต้แนวคิด
การรณรงค์ให้แต่ละท้องถิ่นรักษาอัตลักษณ์ความเป็นไทยและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เน้นเผยแพร่คุณค่าสาระของวัฒนธรรมอันดีงาม ร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม ให้แต่ละครอบครัวใช้กระทงร่วมกัน 1 กระทง สร้างจิตสำนึกรักษาความสะอาดให้แหล่งน้ำหลังจากจัดกิจกรรม โดยกิจกรรมที่จะจัดให้คำนึงถึงความสอดคล้องต่อการที่ประเทศไทยเตรียมเสนอประเพณีลอยกระทง เป็นรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อองค์การยูเนสโก ซึ่งจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2567 เนื่องด้วยประเพณีลอยกระทงเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของคนไทยมายาวนาน สะท้อนวิถีชีวิตของคนไทยที่มีความผูกพันกับน้ำอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานริมน้ำ การใช้น้ำในการทำเกษตรและอุปโภคบริโภคประจำวัน ใช้เป็นเส้นทางสัญจรและเป็นพื้นที่เพื่อการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชน
นายโกวิท กล่าวต่อว่า จากการศึกษาประเพณีลอยกระทงในเชิงลึกพบว่า เป็นประเพณีที่บ่งบอกวิถีชีวิตคนไทยในหลายมิติ ได้แก่ -ด้านการเกษตร โดยในเดือน 12 ของทุกปีเป็นช่วงเวลาน้ำมาก ชาวนารอเก็บเกี่ยวผลผลิต
ลอยกระทงจึงเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ -ด้านสังคม ประเพณีลอยกระทงทำให้มีการรวมตัวของผู้คน ร่วมแรงร่วมใจทำกิจกรรมตามความเชื่อและศาสนา ก่อให้เกิดความสมัครสมานสามัคคี -ด้านศาสนา เป็นการสร้างจิตสำนึกในการแทนคุณ บำเพ็ญกุศลทำความดีให้จิตใจเบิกบาน -ด้านวัฒนธรรม สะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี คติความเชื่อ และนิทานเรื่องเล่า -ด้านศิลปกรรม เกิดการคิดค้นประดิษฐ์กระทงในรูปแบบต่าง ๆ ด้วยภูมิปัญญางานดอกไม้ ใบตอง เครื่องหอม และเกิดงานสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ เช่น กระทงรักษาสิ่งแวดล้อมย่อยสลายง่าย อีกด้วย
ในด้านความปลอดภัย พลเรือโท พาสุกรี วิลัยรักษ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือ เป็นพันธมิตรที่สำคัญของกระทรวงวัฒนธรรมโดยร่วมกันยกระดับประเพณีลอยกระทงให้เป็นประเพณีที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง กองทัพเรือได้สร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยเฉพาะด้านความสงบเรียบร้อยของชาติทางน้ำและทางทะเลงาน “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ในวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2566 นี้ กองทัพเรือพร้อมสนับสนุนการจัดงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงานทุกประการ จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมงานได้อย่างมั่นใจ
นอกจากนี้ นายสุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงาน River Festival 2o23 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย กล่าวว่า งาน Bangkok River Festival 2o23 จัดขึ้นเป็นปีที่ 9 แล้ว มีกำหนดการจัดงานในระหว่างวันที่ 25 - 27 พฤศจิกายน 2566 ภายใต้แนวคิด “ลำนำ วันเพ็ญ” เน้นหลัก ESG รักษาสิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม และการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนในทุกมิติ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนใกล้เคียงพื้นที่จัดงาน จัด ณ 10 ท่าน้ำสำคัญทางประวัติศาสตร์ในกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร / วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร / วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร / วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร / วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร / ท่ามหาราช / ท่ายอดพิมาน / เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ / สุขสยาม ณ ไอคอนสยาม และ ล้ง 1919
และต่างจังหวัดจัด ณ บริเวณถนนรถแก้ว จังหวัดลำพูน ในชื่องาน “Lamphun River Festival 2023” ที่นักท่องเที่ยวจะได้ไหว้พระ ทำบุญ ร่วมกิจกรรมลอยกระทงรักษ์โลก ชมการแสดงทางวัฒนธรรม และดนตรีหลากหลาย ในบรรยากาศความงดงามของสายน้ำยามค่ำคืน ร่วมอุดหนุนสินค้าและเมนูอาหารอันเลื่องชื่อของชุมชน ถือเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ในการผลักดัน Soft Power ความเป็นไทยและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อีกด้วย
ในส่วนผู้สนับสนุนการจัดงาน Bangkok River Festival 2023 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย นางอาทินันท์ พีชานนท์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า งาน “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม” ในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการความร่วมมือกับวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กระทรวงวัฒนธรรม และบริษัท ไทยเบฟฯ จัดงานเพื่อสืบสานประเพณีทรงคุณค่าที่เป็นอัตลักษณ์ของไทย ให้อยู่คู่สังคมไทย พร้อมสร้างการตระหนักรู้ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมโลก ปีนี้ได้สร้างสรรค์พื้นที่บริเวณ “ลานอรุณ” เป็นลานแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ในรูปแบบของจิตรกรรม การแสดงดนตรีไทย และนาฏศิลป์ไทย โดยได้เชิญ อาจารย์สมเถา สุจริตกุล ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี 2565 มานำเสนอผลงานเพลงที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเพื่องานลอยกระทงครั้งนี้ บรรเลงโดยวงออเคสตร้า 35 ชิ้นดนตรี ในแบบเพลงร่วมสมัย นอกจากนี้ ยังพร้อมให้การสนับสนุนและงานเทศกาลและประเพณีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ เทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์ เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมไทยอันเป็นเอกลักษณ์ และผลักดันให้เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ในการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย Soft Power ไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและยั่งยืนสืบไป
ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยว เข้าร่วมกิจกรรมประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2566 ในงาน “ลอยกระทง สายน้ำแห่งวัฒนธรรม Loy Krathong : River of Culture” วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ณ
วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร และในจังหวัดต่าง ๆ ที่จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริม สืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทยให้ยั่งยืน สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.culture.go.th หรือ เฟสบุ๊กกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ สายด่วนวัฒนธรรม 1765
www.aboutinformant9.blogspot.com
kadsaraporn pnussuwonkiri

tel.0955516345