วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

สททเร่งเดินหน้าตั้ง 3 คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนด้านความปลอดภัย


พร้อมชูนวัตกรรม และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ
                12  กุมภาพันธ์  2562  นายชัยรัตน์  ไตรรัตนจรัสพร  ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  จัดงานแถลงข่าวการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 3 คณะ เพื่อเร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวแบบครบวงจร 10 ด้านส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวในยุค 4.0

              โดยนายชัยรัตน์ได้กล่าวว่าในปี 2018 ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าในประเทศไทยทรงเป็น ประวัติการณ์ กว่า
38.2 5 ล้านคน และปีนี้คาดว่าจะทะลุ 40 ล้านคนสะท้อนให้เห็นว่า ททท ได้ทำการตลาดและประชาสัมพันธ์สร้าง demand ได้อย่างยอดเยี่ยมดังนั้น  สทท ซึ่งเป็นตัวแทนของฝั่งผู้ประกอบการจึงต้องเร่งสร้างความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการให้สอดรับกันให้เกิดสมดุลของดีมานซัพพลายลดความเหลื่อมล้ำของเมืองหลักและเมืองรองและให้ทันสมัยกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในยุค 4.0 ที่เปลี่ยนไปเพื่อสร้างผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยได้มาตรฐานมีเอกลักษณ์ยั่งยืนและมีความอัจฉริยะตามแนวคิด 5s Safety Standard signature sustainable and smart
             นายชัยรัตน์  ไตรรัตนจรัสพร  ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า  “ประเด็นสำคัญของการแถลงในวันนี้ คือ  การที่เราได้รับเลือกมาเป็นประธานสภาในครั้งนี้  เราเห็นนโยบายของรัฐเรื่องมาตรฐานอะไรต่าง ๆ นั้น  โดยเฉพาะความปลอดภัย  แหล่งท่องเที่ยว  และสมาร์ทซิตี้ต่าง ๆ เราจึงวางแผนกันว่า จะจัดทีมการทำงานเป็นอนุกรรมการด้วยกัน 3-4 อนุฯ  และจึงเริ่มโครงการโดยมีการสัญจรไปที่จังหวัดสงขลา  พร้อมกับเชิญ  5 มหาวิทยาลัยทางภาคใต้มาเซ็นต์ MOU ร่วมกัน โดยเชิญอาจารย์มหาวิทยาลัยละ  3 ท่าน มาร่วมแสดงความคิดเห็นกัน  ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเราได้เชิญท่องเที่ยวและกีฬาอีก  14 จังหวัดทางภาคใต้                
ลงมานั่ง  รับรู้ด้วยกันว่าจากนี้ต่อไปเราจะทำโครงการโดยมีการเขียนแผนอย่างชัดเจนเพื่อให้มีการรับรู้ดังกล่าวร่วมกัน  รายละเอียดโครงการและการเขียนแผนนั้นมาจากกรรมการและผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ร่วมระดมความคิดเห็นออกมา  และให้อาจารย์ทุกท่านช่วยดูและเรียบเรียงให้ข้อมูลถึงวิธีการเขียนแผนโครงการจะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้ผ่านขั้นตอนไปได้อย่างสำเร็จ”
                    ด้านคณะอนุกรรมการด้านความปลอดภัย  (Safety  Tourism)  นำโดย  ดร.สุเมธ  โสภณเสถียร  ประธานคณะอนุกรรมการ  ได้รวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐ  ภาคเอกชน  และภาคการศึกษา  เพื่อเดินหน้าบูรณาการตั้งแต่การ
วางมาตรฐาน  การป้องกันภัย   การเตือนภัย  และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า  โดยเชื่อมโยงคลัสเตอร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั้ง 10 คลัสเตอร์  คือ ด้านการเดินทาง  ทั้งรถ  เรือ ราง และเครื่องบิน  ด้านที่พักแรม  ด้านแหล่งท่องเที่ยวเชิงสันทนาการและชุมชน  ด้านอาหารและเครื่องดื่ม  ด้านสินค้าและร้าน  ขายสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยว  ด้านบริษัทนำเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศ  ด้านมัคคุเทศก์  ด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเวลเนส  ด้านท่องเที่ยวเชิงกีฬา  อนุ  รักษ์และการผจญภัย  รวมถึงด้านนวัตกรรม  เทคโนโลยีวิศวกรรม  และไซเบอร์ซิเคียวริตี้   ทั้งนี้ เพื่อสร้างค่านิยมและมาตรฐานความปลอดภัยให้แก่ผู้ประกอบการและสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย  โดยจะมีโครงการนำร่องเพื่อรณรงค์ลดอุบัติเหตุในช่วงวันสงกรานต์นี้  โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถบัสที่มีเป้าหมายลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์
                  คณะอนุกรรมการท่องเที่ยวอัจฉริยะ  (Smart  Tourism)  นำโดยนายประดิษฐ์  วัชระดนัย  ประธานอนุกรรมการฯ  มีเป้าหมายในการพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถ ปรับตัวเข้าสู่ยุค 4.0 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ด้วยยุทธศาสตร์  SMART  ที่ประกอบด้วย
 (S)  Signature  Product  คือการสร้างสรรสินค้าและบริการที่มีเอกลักษณ์  มีคุณค่าและต่อกลุ่มเฉพาะ  (M)  Marketing  O2O  คือการทำตลาดแบบออนไลน์ควบคู่กับออฟไลน์ให้มีประสิทธิภาพ  (A) AI & Big Data  คือ การนำข้อมูลดิจิตอลมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ  (R)  Research  &  Development  คือ การนำข้อมูลจากงานวิจัยมาพัฒนาให้เหมาะสมกับธุรกิจ  (T)  Technology  &  Tranformation   คือ การยกระดับองค์กรด้วยเทคโนโลยีทางด้านการตลาด  การบริหารและบริการ
                คณะอนุกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ  (Domestic  Tourism)  นำโดยนายภูริวัจน์  ลิ้มถาวรรัตน์  ประธานอนุกรรมการ  มีเป้าหมายในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและแหล่งท่องเที่ยวมีความสะดวก  สะอาด  ปลอดภัย  มีเอกลักษณ์  และยั่งยืน  เริ่มตั้งแต่การฟื้นฟู  พัฒนาและอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวทั้งในเชิงธรรมชาติ  ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมให้ได้มาตรฐาน  ส่งเสริมเทคนิคในการเล่าเรื่อง  (Storytelling)   เพื่อดึงเสน่ห์และคุณค่าของแต่ละท้องถิ่นไทย ทั้งด้านอาหาร  ดนตรี  งานประเพณี  อาหารและการแต่งกาย  เพื่อยกระดับมูลค่าและกระจายรายได้ไปยังชุมชนเมืองรอง  รวมถึงพื้นที่รองในเมืองหลัก  ให้เกิดความสมดุลในการท่องเที่ยว  เพิ่มรายได้และความสามารถในการแข่งขัน  ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวสามารถปรับตัวเติบโตและพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
                นายชัยรัตน์  กล่าวเพิ่มเติมว่า  “ปัจจัยสำคัญที่ต้องการกล่าวเพิ่มเติมคือ  การที่เราได้มาร่วมบริหารในช่วงเริ่มต้นนี้  คณะ
กรรมการต่าง ๆ อาจจะยังไม่รู้จักกันทั้งหมด เนื่องจากมีคณะกรรมการที่มาจากทั่วทุกภูมิภาคจึงได้มีการจัดประชุมในช่วงระยะเวลา 3 วัน 2 คืน เพื่อได้ละลายพฤติกรรมได้รู้จักกันดีมากขึ้น  บทบาทหน้าที่ของสภาฯแต่ละจังหวัดก็จะได้รับรู้ร่วมกัน  สำหรับประเด็นหลักของการประชุมก็จะล้อไปกับยุทธศาสตร์ชาติในวันข้างหน้าที่จะแบ่งเป็น  6 ภาค ซึ่ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เป็น 1 ใน 6 ที่เราจะดูก่อนว่าแนวทางและนโยบายของทางภาครัฐจะเป็นในรูปทิศทางใดเราจึงจะเดินตามไปแผนยุทธศาตร์ชาติเช่นกัน  ดังนั้น จึงขอฝากถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวว่า  ควรให้ความสำคัญเรื่องแผนการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวเป็นลำดับต้น ๆ  และเมื่อนำนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วให้กระจายรายได้ออกสู่เมืองรองบ้าง หน้าที่เราคือต้องรักษาคุณภาพการบริหารจัดการ และการบริการให้ดี ช่วยกันปรับปรุงมาตรฐานของตัวเองสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่เข้ามาเที่ยวในพื้นที่ให้รู้สึกอบอุ่น ยิ้มแย้มแจ่มใสแสดงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี ให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่า “การมาประเทศไทยแล้วมีความสุข”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น